รีวิวเรื่อง Unpredictable Affair Sophielia Hope [Tangled]

 

สวัสดีค่ะ

 

 

 

อ่ะ วันนี้กินข้าวเสร็จแล้วยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย

ช่วงนี้กลับบ้านดึกค่ะ กินข้าวล้างจานเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำนอนแล้ว ดีใจ ว่าจะเปิดเมะเรื่องใหม่ดู ก็กลัวติด เลยหนีมาเขียนไดดีกว่า เพลงก่อนแล้วกัน พอดีช่วงนี้เราติดเพลงค่ายนี้อยู่ เค้าทำเพลงคอเวอร์ค่ะ เพราะหลายอัลบัมเลย เลือกยากมาก ทีแรกชอบสตัก ออน ยู มันดูสืบเนื่องต่อจากเพลงในไดก่อนหน้าดี แต่แบบ วันนี้จะรีวิวนิยายด้วย เลยเอาเพลงที่ฟังแล้วนึกถึงความรักของชาววายมาดีกว่า

 

 

“Chasing Car” ของ Snow patrol [Cover by Clare Teal]

 

We’ll do it all 
Everything 
On our own 
เราจะทำทุกๆ อย่าง ด้วยตัวของเราเอง ทุกอย่างเลย [เป็นการแสดงเจตจำนง เหมือนแบบ อา…เราจะทำให้ได้]
We don’t need 
Anything 
Or anyone 
เราไม่ต้องการอะไร หรือพี่งพาใครทั้งสิ้น
If I lay here 
If I just lay here 
Would you lie with me and just forget the world? 
ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ เลือกจะอยู่ที่นี่ เธอจะมาอยู่เคียงข้างกัน และลืมสิ่งต่างๆ ในโลกได้ไหม
I don’t quite know 
How to say 
How I feel 
ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้หรอก ว่ามันพูดยังไง หรือรู้สึกยังไง
Those three words 
Are said too much 
They’re not enough 
คำสามคำนั่น [คำบอกรักอ่ะ] …ที่พูดบ้อยบ่อย แต่เหมือนว่าก็ยังเล่าความในใจได้ไม่หมดสักที
If I lay here 
If I just lay here 
Would you lie with me and just forget the world? 
ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ เลือกจะอยู่ที่นี่ เธอจะมาอยู่เคียงข้างกัน และลืมสิ่งต่างๆ ในโลกได้ไหม

Forget what we’re told
Before we get too old 
Show me a garden that’s bursting into life
ลืมสิ่งที่พวกเขาพูดถึง ก่อนพวกเราจะแก่เกินกว่านี้ แสดงให้ฉันเห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่เหล่านั้นเถอะ
[ท่อนนี้เราชอบเชียว … เพราะแค่สามประโยค แต่ความหมายลึกมาก เค้าเปรียบเปรยว่าให้แสดงสวน… สวนน่าจะหมายถึงอะไรที่สดใส ชุ่มชื่น ส่วนบัช อินทูไลฟ์ มันทำนองว่า ทะลักทะลายออกมา เป็นชีวิต พอแปลรวมทั้งหมด คนร้องชวนหรือกระตุ้นให้อีกคน แสดงความรู้สึกภายในออกมาสิ ฉายมันออกมาอย่างมีชีวิตชีวา ก่อนที่เราจะแก่เกินแกง และเลิกฟังที่ใครๆ พูดถึงเราซะให้หมด]

 

Let’s waste time 
Chasing cars 
Around our heads 
มาร่วมเสียเวลาด้วยการวิ่งตามรถยนต์ภายในหัวเรากันเถอะ …55 พอแปลตรงตัวแล้วน่าเกลียดมาก จากตีมเพลงมันคือการชวนให้มาใช้เวลาด้วยกัน อาจจะหนีไปด้วยกันสักพัก เรื่องจริงนั้นเราทำไม่ได้ไง มันเป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุอะไรสักอย่าง ก็เลยอยากหนีความจริงค่ะ ไปในที่ที่มีเราสองคน
I need your grace 
To remind me 
To find my own 
ฉันต้องการความนุ่มนวลอ่อนโยนของเธอ เพื่อจะได้เตือนตัวฉัน ให้ค้นหาความนุ่มนวลอ่อนโยนในตัวของฉันบ้าง
If I lay here 
If I just lay here 
Would you lie with me and just forget the world? 
ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ เลือกจะอยู่ที่นี่ เธอจะมาอยู่เคียงข้างกัน และลืมสิ่งต่างๆ ในโลกได้ไหม
Forget what we’re told 
Before we get too old 
Show me a garden that’s bursting into life 
ลืมสิ่งที่พวกเขาพูดถึง ก่อนพวกเราจะแก่เกินกว่านี้ แสดงให้ฉันเห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่เหล่านั้นเถอะ
All that I am 
All that I ever was 
Is here in your perfect eyes, they’re all I can see 
ตัวตนของฉัน ตัวตนที่ฉันเคยเป็น มันฉายอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอแล้ว และนั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันมองเห็น
I don’t know where 
Confused about how as well 
Just know that these things will never change for us at all 
ฉันไม่รู้ว่าตรงนี้ที่ไหน และสับสนว่ามาได้อย่างไร รู้เพียงว่าสิ่งเหล่านี้ จะไม่มีวันเปลี่ยนเพื่อเราเสมอ [มันเพ้อๆ นะ เหมือนเป็นความปรารถนามากกว่า ว่าอยากให้ทุกอย่างดีอย่างงี้ ไม่เปลี่ยนอย่างงี้ หรืออีกที ได้รักกันและกันอย่างนี้ตลอดไป]
If I lay here 
If I just lay here 
Would you lie with me and just forget the world?

 

…อ้างอิงเนื้อเพลงจาก http://sz4m.com/l75367 (แต่แปลเองนะ)

 

 

เพลงนี้ตีความได้หลายอย่าง หลายอารมณ์มาก ฮ่าๆ เราฟังทีแรก เรารู้สึกว่าคนร้องร้องให้คนรักฟัง และกระตุ้นให้อีกฝ่ายบอกรักกันก่อนทุกอย่างจะสายไป… พอนั่งอ่านเนื้อ เอ้อ… มันเหมือนหนีตามกันป่ะนะ พอไปอ่านเว็บซองมีนนิ่ง เอ๊ย มันอารมณ์อกหักเด็ดดอกฟ้าเหรอ อีกคนกลับบอกเพลงนี้โรแมนติกมาก

?? ฮ่าๆ

เอาเป็นว่า ตามแต่อารมณ์คนเสพแล้วกัน นานาจิตตัง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของเพลงนี้ค่ะ และเนื้อร้องมันสั้น แต่กลับความหมายกินลึก เราเลือกมาแปะเลย

 

 

เรื่องรีวิวนิยายดีกว่า เราเป็นคนอ่านใจร้ายพอสมควร เพราะก่อนจะมาเขียน ก็อ่านเยอะ มีเรื่องให้เปรียบเทียบหลากหลาย จึงขอวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา ถ้าคนเขียนมาเห็นแล้วไม่ถูกใจ เราบอกขอโทษไว้ก่อนเลย ถ้าเราสวมหน้ากากคนอ่านเมื่อไหร่จะเรื่องมากเป็นพิเศษ วิจารณ์อะไรที่ทำร้ายจิตใจก็… อย่าถือสา หรือคนอ่านคนไหนอ่านแล้วไม่เห็นด้วย โวยวายได้ค่ะ

 

เรื่อง “Unpredictable Affair Sophielia Hope [Tangled]” ของคุณ Flynn ชื่อเรื่องเนี่ย จนบัดนี้เรายังเรียกไม่เคยเต็ม เราเรียกเรื่องอันพรีดิกฯ อะไรสักอย่าง เพราะแบบมันยาวไป และไม่มีคำที่เป็นคีย์เวิร์ดเด่นๆ เราก็เรียกย่อแบบโง่ๆ ไป เท่าที่ทราบคือเธอเป็นนักเขียนที่ไม่ได้เขียนลงเว็บนะ เรื่องนี้เค้าส่งบก.สะพานแล้วก็ตีพิมพ์เลย

 

เรื่องนี้มีอะไรดี…

 

ภาษาและสำนวนค่ะ เปิดเรื่องมาเรารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเขาเขียนได้เหมือนนิยายแปล แต่เขาเป็นคนไทย และนี่เป็นเรื่องออริจินัล ไม่ได้แปลมาจากไหน แถมตัวนางเอกยังเป็นอเมริกันจ๋า ความคิดความอ่าน ฉากเรื่อง สังคม ตีม เป็นสังคมนิวยอร์ก อ่ะโห ต้องใช้พลังจิ้นขนาดไหนเรานึกไม่ออกเลย หรือไม่คงต้องชอบอ่านนิยายแปลมากๆ แน่ๆ ถึงเขียนได้สำนวนแบบนี้ ใครชอบอ่านนิยายแปลละก็ เราว่าเรื่องนี้คุณน่าจะชอบนะ

 

สอง นางเอกมีบุคลิกที่น่าสนใจค่ะ คนหนึ่งสวยเริ่ดมากเป็นอิตาเลียนแล้วแบบใครๆ ก็อยากได้เธอแต่เธอดูสูงเกินไป อยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูง รวย แนวลึกลับๆ เท่และเก่งค่ะ ประมาณนั้น ส่วนอีกคน นมใหญ่ … 55 ไม่รู้ว่าเรียกข้อดีป่ะ แต่เราชอบจริงเวลาเธอเขียนประชดบอกว่านางเอกนั้นมีดีแค่อารมณ์ขันกับหน้าอกคัพซี ที่จริงนางเอกมีดีหลายอย่างเชียว ดูฉลาดแบบปกติ ความคิดความอ่านเธอดูทั่วไปค่ะ ก็เลยทำให้เราชอบนางเอกคนนี้มากกว่าคนแรก

 

เนื้อเรื่องและการเล่า

เนื้อเรื่องพูดถึงโซฟีเลีย โฮป นางเอกคัพซีคนนี้แหละ เป็นคนเล่าเรื่องโดยใช้สรรพนาม ฉัน ข้อดีของการใช้สรรพนามฉันก็คือคนอ่านจะเข้าถึงนิสัยความคิดของคนเล่าได้ง่าย และไม่สับสนว่าใครกำลังพูดใครกำลังคิด เพราะนางคิดอยู่คนเดียวไม่มีทางแหยมไปบรรยายความคิดคนอื่นได้ แต่ข้อเสียที่เราเคยค้นพบก็คือมันจะทำให้เล่าเรื่องผ่านมุมคนคนเดียวเท่านั้น และทำให้เรื่องดำเนินช้าค่ะ หรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่รอบด้าน เราจะไม่รู้ความรู้สึกคนอื่นในเรื่องเลย ถ้านางเอกเราไม่บรรยายให้ฟัง และอีกอย่างความคิดคนเรานั้นซ้ำๆ ซากๆ พอควร ดังนั้นคนอ่านบางทีเบื่อได้เวลาอ่านไปสักสองร้อยหน้าเป็นต้นไป (มีช่วงหลังๆ เราสังเกตว่าคนเขียนเปลี่ยนพ้อยออฟวิวไปให้คนอื่นบ้าง)

 

โซฟีพบกับกีอันนา สาวลึกลับที่เป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้น รู้สึกเค้าจะใช้คำว่าผู้อุปถัมภ์ ก็คือคนให้ตังค์นั่นเองของบริษัทที่นางเอกเป็นพนักงานอยู่ โซฟีจะเล่าถึงสังคมของหนุ่มสาวออฟฟิศ การนินทาเจ้านาย การทำงาน การหมกมุ่นเรื่องหาคู่นอน แต่ก็มีเหตุให้เธอต้องพัวพันกับกีอันนาเพราะโซฟีเมาและตื่นมาบนเตียงของกีอันนา และนั่นทำให้คนสองคนเริ่มสนใจกันและกัน เดิมทีโซฟีไม่ได้เกี่ยวกันกับโลกของกีอันนาเลย แต่พอชีปิ๊งกันมันอยู่นอกแผน มันก็เลยส่งผลต่อเรื่องราวต่อๆ ไป… ฉากเลิฟซีนน่ารักดี และไม่ไร้เดียงสาแบบอาคาริๆ ด้วย 55 มันดูเป็นแบบนิยายแปลอ่ะ แต่เราก็ชอบนะ มันดูมีเอกลักษณ์ไปอีกแบบ หาอ่านฟีลลิ่งนี้ไม่ค่อยได้ ส่วนเรื่องลึกลับของกีอันนาที่โซฟีเข้าไปพัวพันนั้นจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเองนะ กลัวหลุดสปอล์ยจริงจุง

 

 

 ..

 

ต่อจากนี้จะวิจารณ์กึ่งสปอล์ยเบาๆ นะ อ่ะ ถ้าเรื่องไหนเรามีข้อดี เราก็มักจะแนบข้อเสีย เพราะคนเขียนให้ความรู้สึกเหมือนคนมีแววมั้ง ถ้าเขียนดีกว่านี้ได้คงจะเยี่ยมมาก ทำนองนั้น เรื่องไหนที่เจอข้อเสียมากเกินเยียวยาสำหรับเรา คงจะอ่านผ่านตา คงไม่มานั่งลิสต์ข้อดีข้อเสียแน่ๆ หรืออีกที อ่านไม่จบไปเลย

 

คนเขียนใส่รายละเอียดตลอดเวลานะแรกๆ อ่ะ เพราะตอนหลังพอเฉลยเรารู้เลยว่าฉากไหนมีไว้เพื่ออะไร ก็เลยร้องอ้อ แต่บางฉากก็ไม่ได้มีเพื่ออะไร 55 ซึ่งเราว่าปกติ ตามประสาคนเขียนจะอยากฝอย เราเป็นตลอดไงประเด็น หุหุ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เธอขาดในเรื่องนี้คือความน่าติดตามค่ะ จริงอยู่แรกๆ นั้นสำนวนเธอดึงใจอยู่หมัด และสังคมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนของไทยทั้งที่คนเขียนเป็นไทยมันก็แปลกไปจากนิยายเลสไทยอีก เธอเรียกคะแนนให้คนเข้ามาตอมหน้าบูธได้สำเร็จค่ะ เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นสิ หลังจากหน้าที่สัก… สองร้อยกว่าๆ เป็นต้นไป อื้ม เราเริ่มรู้สึกต้องอดทนอ่านแล้ว และเราจะเกิดคำถามว่า ตกลงปัญหาของเรื่องคืออะไร? เราไม่อยากรู้คำตอบของปัญหาของเรื่องแล้วอะ ถ้าอ่านเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรมากมันคงไม่น่าอึดอัดนะ เพียงแต่เราคาดหวังว่ามันควรเริ่มสนุกตื่นเต้นขึ้นตามจำนวนหน้า มากกว่าจะดิ่งลง

 

ฉากคลายเรื่องของกีอันนา ความลับที่ปิดไว้ทั้งหลายกำลังเผย เราแค่ร้องอ๋อค่ะ อ๋อ มันเป็นอย่างงี้นี่เอง แต่มันไม่ใช่อารมณ์ เอ๊านั่นไงล่ะ เราเดาไว้แล้วเชียว หรือเอ๊า ทำไมเป็นอย่างงี้ไปได้ล่า อารมณ์ต่างกันมากนะ อาจจะเพราะจังหวะ หรือวิธีการเล่าตอนไคลแมกซ์มันยังไม่เร้าใจพอก็ไม่ทราบ แล้วหลังไคลแมกซ์มันยังมีประเด็นรองอีกอันต่อไปอีกเป็นร้อยหน้า ซึ่งแบบ อื้ม มันไม่น่าสนใจแล้วล่ะ เพราะปัญหาใหญ่มันหมดไป มันหมดลุ้นแล้ว ตรงส่วนนี้สามารถตัดเป็นตอนพิเศษสั้นๆ ได้เลย

 

วิจารณ์แหลกไปป่ะ 55 ไม่ได้ไล่แขกนะ เพราะถ้าไม่ชอบเราคงไม่เอามารีวิว ความต่างทำให้นิยายเธอโดดเด่นอ่ะ แต่พื้นฐานของการเล่าเรื่องเราว่ามันเหมือนกัน… ไม่ว่าสไตล์เป็นอย่างไร เขียนให้คนอ่านอินและลุ้นกับตัวเอกหรือเนื้อเรื่องได้เมื่อไหร่ มันคือที่สุดแล้ว ทีแรกคิดว่าจะส่งเมลไปบอกคนเขียนดีไหมนะ ว่าเราอ่านแล้วรู้สึกงี้ๆ แต่เราเคยอ่านเรื่องแล้วสอใส่สระเอือกส่งไปครั้งหนึ่งค่ะ รู้สึกว่านักเขียนนั้นมีภูมิต้านทานต่างกัน คงไม่มีใครชอบให้ใครมาวิจารณ์ด้านลบอย่างเราเป็นพวกซาดิสม์ การที่เราจะเปลืองตัวเมลไปวิจารณ์เค้ามันคงเหมือนไปยืนด่าฉอดๆ ใส่เค้าป่ะ เค้าด่ากลับมาซวยอีก ดังนั้นช่างเหอะ วิจารณ์ในบ้านตัวเองปลอดภัยสุด

 

 

ปล.

โฆษณาเรื่องให้เพื่อนนักเขียนหน่อยแล้วกัน ชีอีโรติกหกที่เราได้ลงเรื่องสั้นนั้น เราเขียนเรื่อง “แฟนเก่า” แล้วมันดันให้อ่านฟรีในเมพ ตะนี้ตอนเขียนก่อนจะส่งคุณบก. เพื่อนนักเขียนหลังไมค์บอก เอ๊ยน่าสน อยากแต่งต่อ เธอเลยแต่ง “แฟนใหม่” ขึ้นมา ใช้ตัวละครชื่ออริสา หรือน้อง เป็นนางเอกคนเดียวกันค่ะ แล้วบก.อาจจะทำการตลาดหรือยังไงไม่ทราบ ตัดอ่านฟรีตรงจบเรื่องเราพอดี แฟนใหม่อยู่ในส่วนที่ต้องจ่ายกะตังอ่าน 555 อ่ะ เลยมีข้ออ้างให้ขายหนังสือได้แล้วไง ขายๆๆๆ ค่ะ จงเข้ามาซื้อเร็วพลัน เล่มละเท่าไหร่นะ… สามร้อยกว่าป่ะ จำไม่ได้ รู้แต่ว่าเล่มนี้จะมีนักเขียนเยอะเป็นพิเศษ เลยทำให้มันอ้วนกว่าชีอีโรเล่มอื่นๆ นะ

 

 

One of us

สวัสดีค่ะ

 

 

วันนี้ด้นสด เพราะความเบื่องานอย่างที่สุด

ก็เลยต้องหาอะไรทำก่อนจะประสาทไปซะก่อน

เพลงนี้ฟังเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่แล้ว อ่ะโห ชอบมาก เป็นเพลงคอฟเวอร์ที่เสียงเพราะมาก ครึ้มๆ ก็เลยแปลเนื้อใส่ซะเลย

ไม่ได้แปลตรงตัวนะคะ บางประโยคไหลไปตามอารมณ์

ชื่อเพลง One of us เดิมที่เป็นของ ABBA แต่นี่ร้องใหม่โดย Julienne Taylor

 


They passed me by, all of those great romances
มันผ่านไปแล้ว ความรักแสนดีเหล่านั้น
You were, I felt, robbing me of my rightful chances
ฉันทิ้งโอกาสสำคัญของฉันไป ฉันปล่อยมันไป
My picture clear, everything seemed so easy
ภาพเหล่านั้นยังคงชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนง่ายดาย
And so I dealt you the blow
ฉันบังคับให้เธอหลุดลอยหายไป
One of us had to go
เมื่อเราคนหนึ่งต้องจากไป
Now it’s different, I want you to know
ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น และฉันอยากให้เธอรู้เรื่องหนึ่ง…

One of us is crying
ใครคนหนึ่งกำลังร้องไห้
One of us is lying
ใครคนหนึ่งกำลังทิ้งตัวนอนนิ่ง
In her lonely bed
บนเตียงนอนอันเงียบเหงาของเธอ
Staring at the ceiling
จ้องมองเพดาน
Wishing she was somewhere else instead
ปรารถนาให้เธอไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่

One of us is lonely
ใครคนหนึ่งกำลังเหงา
One of us is only
ใครคนหนึ่งทำได้แค่เพียง
Waiting for a call
รอคอยสายโทรศัพท์
Sorry for herself, feeling stupid feeling small
เสียใจกับสิ่งที่เธอทำ ช่างโง่เง่า ช่างไร้พลัง
Wishing she had never left at all
ปรารถนาให้ตอนนั้นเธอไม่ตัดสินใจจากมา

I saw myself as a concealed attraction
ฉันเห็นตัวเองกำลังถูกปิดกั้นความสามารถ
I felt you kept me away from the heat and the action
ฉันรู้สึกว่าเธอต่อต้านการที่ฉันอยากโบยบิน
Just like a child, stubborn and misconceiving
ทำตัวเหมือนเด็ก ดื้อดึง และมีความเห็นผิด
That’s how I started the show
และมันทำให้ฉันเริ่มแสดงออกว่า
One of us had to go
เราคนใดคนหนึ่งจำเป็นต้องจากไป
Now I’ve changed and I want you to know
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว และฉันต้องการให้เธอรู้เรื่องหนึ่ง…

One of us is crying
ใครคนหนึ่งกำลังร้องไห้
One of us is lying
ใครคนหนึ่งกำลังทิ้งตัวนอนนิ่ง
In her lonely bed
บนเตียงนอนอันเงียบเหงาของเธอ
Staring at the ceiling
จ้องมองเพดาน
Wishing she was somewhere else instead
ปรารถนาให้เธอไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่

One of us is lonely
ใครคนหนึ่งกำลังเหงา
One of us is only
ใครคนหนึ่งทำได้แค่เพียง
Waiting for a call
รอคอยสายโทรศัพท์
Sorry for herself, feeling stupid feeling small
เสียใจกับสิ่งที่เธอทำ ช่างโง่เง่า ช่างไร้พลัง
Wishing she had never left at all
ปรารถนาให้ตอนนั้นเธอไม่ตัดสินใจจากมา
Never left at all
ไม่เคยคิดจะจากมา…

Staring at the ceiling
จ้องมองเพดาน
Wishing she was somewhere else instead
ปรารถนาให้เธอไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่
One of us is lonely
ใครคนหนึ่งกำลังเหงา
One of us is only
ใครคนหนึ่งทำได้แค่เพียง
Waiting for a call
รอคอยสายโทรศัพท์

เศร้าแบบอึนๆ หุหุ

 

รีวิวหนังสือ “บันทึกหญิงรักหญิง” กับเที่ยวเมืองมากเซยเบาๆ

 

สวัสดีค่ะ

 

 

 

วันนี้เปิดด้วยรูปภาพจากมากเซย Marseille เมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส หลังจากไปเดินชิลเมื่อเสร็จงานแล้ว อากาศแสนสบายค่ะ อุ่นไปจนถึงร้อนจนจั๊กกะแร้เปียก อู้ย เทียบกับฮวงแล้วอย่างกับคนละประเทศ ดังนั้นเราเลยเดินเล่นแถวท่าเรือเกือบทุกวัน เห็นแล้วคึกคักอยากเขียนนิยายสุดๆ ไปเลย กิ๊วๆ ไม่รู้จักบุคคลในภาพอ่ะนะ แอบถ่ายเค้า ถ้าเกิดเจ้าของเค้าโวยวาย เราจะปิดไดหนี 555 

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

มากเซยเป็นเมืองท่าติดทะเลเมดิเตอเรเนียน ดังนั้นก็เลยมีท่าเรือขนาดใหญ่ตรงกลางเมือง แต่ก่อนเอาไว้สำหรับจอดเรือของชาวประมง แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นเรือยอร์ช เรือส่วนตัวกันไปแล้ว เอาไว้สำหรับท่องเที่ยวแทน และเพราะมันเป็นท่าเรือนะคะ ก็เลยมีหลายเชื้อชาติที่นี่ ด้านใต้ของเมดิเตอเรเนียนเป็นแอฟริกาค่ะ เค้าก็อพยพมาอยู่นี่เยอะเชียวจนตั้งเป็นชุมชน นานเข้าก็ครอบคลุมเขตในเมืองเกือบทั้งหมด ถ้ามาแล้วจะให้ความรู้สึกมาเฟียๆ ไม่ปลอดภัยก็ไม่แปลกใจ เราเปล่าเหยียดเชื้อชาตินะ แต่โหย มันน่ากลัวอย่างนั้นจริงๆ เพื่อนคนจีนโดนกระชากกระเป๋าด้วยค่ะ รอบนี้เราระวังตัวเป็นพิเศษ ก็เลยไม่มีอะไรสูญหาย ถ้าไม่ติดตรงในเมืองน่ากลัว มากเซยก็ถือเป็นเมืองที่สวยมากทีเดียวค่ะ ทั้งตึกรามบ้านช่อง ทั้งโบสถ์บนยอดเขาริมทะเล มันมีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากโบสถ์อื่นทางเหนือ และอร่ามตามาก

 

 


OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

 

มีป้อมปราการยื่นออกไปในทะเล เดี๋ยวนี้ดัดแปลงเป็นมิวเซียมค่ะ คนมักจะมาเดินเล่นซะมากกว่าจะเข้ามิวเซียมนะ เราเดินเลาะป้อมเลียบทะเลตอนแดดบ่าย ร้อนค่ะแต่ไม่ได้ร้อนเกินไป เอาเป็นว่าตากไปสองชม. เราดำขึ้นแค่เห็นรอยคาดนาฬิกาจางๆ เข้าใจอารมณ์ฝรั่งอยากตากแดดนะ มันฟินจริงๆ และแบบการเห็นผิวเป็นสีแทนขึ้นมามันก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศอุ่นๆ ตอนนั้นไง ก่อนจะต้องไปห่อในเสื้อกันหนาวอีกหลายเดือนหลังจากนี้ ความโรแมนติกริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็อย่างที่เห็นในภาพ เมทเราบอกว่าเมืองริมทะเลที่อื่นสวยกว่านี้อีก ซึ่งเรายังไม่ได้ไปนะ เอาไว้มีโอกาสและเวลาจะลองหาไปสักที

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

IMG_20140830_112939

 

IMG_20140830_113750

 

พูดถึงในเมืองไปแล้ว เราเริ่มพาออกไปข้างนอกบ้าง ทะเลที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราตรงที่ไม่มีต้นมะพร้าวค่ะ 55 และส่วนใหญ่เป็นโขดหิน ภูเขาหิน หน้าผาหินสีขาว ตัดกับสีน้ำทะเลฟ้าและน้ำเงินเข้ม สะท้อนแดดจ้าๆ ทำให้มันสวยจริงจังค่ะ มีหาดเล็กๆ แค่ประมาณไม่กี่สิบเมตรเอง นอกนั้นก็หิน ผา เค้ามีชื่อเรียกอ่าวที่น้ำทะเลเว้า เข้าไปในแผ่นดินว่า เลกาล้อง les calanques สามารถไปได้ทางบก ขับรถไปแล้วก็เดินเลาะริมผาเห็นทะเลก็ได้ หรือไปทางเรือก็ได้ เราเลือกไปทางเรือค่ะเพราะเวลาน้อย และพี่ที่เราไปด้วยอยากให้ลองเล่นน้ำทะเล รูปที่เราถ่ายมาอาจจะบอกความไม่หมด เพราะเราเมาเรือด้วย และแดดมันจ้าจนเราปรับแสงไม่ถูก เดี๋ยวโอเวอร์ เดี๋ยวอันเดอร์ เบี้ยวมั่งไรมั่ง ไหนจะต้องลองโดดเล่นน้ำอีก ดังนั้นเลยขอยืมกูเกิลมาแปะเพิ่มด้วย หลังจากได้ลงน้ำทะเลเมดิเตอเรเนียนก็ทำให้รู้ว่ามันเค็มปี๋กว่าทะเลปกติ แล้วน้ำเย็นนนนนจุงๆ ปลาไม่สวยเท่าไทยค่ะ ปะการังไม่เห็นสักต้น มองไปมีแค่พื้นทรายขาวๆ ตรงก้นทะเล เงยมองทางอื่นก็จะเจอบิกินี เอิ๊กๆ แต่ก็อย่างที่บอก เราเมาเรือ เลยไม่ได้อิ่มเอมกับหุ่นใครต่อใครสักเท่าไหร่

 

จาก .. http://lescalanques.com/uploads/images/slider//randonnees-calanques1.jpg 

……………

 

อ่ะ เข้าเรื่องหัวข้อไดดีกว่า วันนี้ไม่ได้ตั้งใจฝอยเรื่องเที่ยวเท่าไหร่หรอก แค่จะแปะรูปฟินๆ ริมทะเลเฉยๆ แต่ก็อดไม่ได้บรรยายเพิ่มซะยาวเลย ที่จริงเรามีเหตุให้ต้องมาเขียนได เพราะเพิ่งอ่านเรื่องสั้นเล่มหนึ่งจบ ซื้ออีบุ๊กจากเมพ เล่มกระปิ๊ดเดียว ชื่อเรื่อง “บันทึกหญิงรักหญิง : เรื่องจริงจากประสบการณ์” โดยนักเขียนหลายคน สำนักพิมพ์สะพาน อย่างที่เคยบอกว่าอยากจะรีวิวหนังสือให้ฟัง อ่ะ ได้ฤกษ์ดีแล้ว ตัดริบบิ้นกันได้

 

 http://asset.mebmarket.com/meb/server1/12836/Thumbnail/middle.gif

 

เรื่องนี้มีดีอะไร…

ถามข้อดีคือมันคือเรื่องจริงไง มันก็จะสมจริงสมจัง ดราม่าเยอะๆ เครียดหน่อยๆ บางเรื่องมีบ้างที่เขียนได้ขำ เราไม่ได้ตั้งใจจะอ่านหรอก แต่เพราะเมพมันมีของแซมเปิลให้โหลดดู เราก็อยู่ในภาวะรอรถไฟ จึงโหลดมาใส่และเริ่มอ่าน ปรากฏว่าสนุกกว่าที่คิดค่ะ บางเรื่องสนุกกว่านิยายในเว็บเสียอีก ไม่ถึงกับทำให้เราอินน้ำตาคลอ แต่มันเปิดโลกทัศน์น่าดู แต่ละคนนั้นชีวิตแสนจะโชกโชน 55 เรื่องเรากลายเป็นเด็กด๋อยไปเลย

 

อาจเพราะเป็นเรื่องเก่าที่คนเขียนเขาบันทึกไว้นานแล้ว เราเลยรู้สึกว่านั่นมันสังคมคนละรุ่นกับเรานี่นา รู้สึกว่าเค้ายังไม่ค่อยมีเลสเบี้ยน แต่จะเป็นทอมดี้ซะส่วนใหญ่ แต่มันมีที่มาที่ไปในแต่ละเรื่องของชีวิตเขาค่ะ เช่นเริ่มเล่าจากครอบครัวที่แตกหัก พ่อไปทางแม่ไปทาง หรือพ่อแม่ที่แสนกดดัน หรือความเก็บกดอะไรก็ตามที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น… เราอ่านก็รู้สึกสะท้อนใจในหลายทางเช่น เอ้อ ดีจังที่หล่อนเปิดตัวสักทีว่าหล่อนชอบอะไร หรือชีวิตหล่อนช่างลำบากลำบนน่าสงสาร การมีความรักมันยากขนาดนั้นเชียวหรือ การนอกใจเป็นของคู่กับความรักหรือไง หรือ คนนี้เขียนดีจัง เค้าสรุปบทเรียนให้คนอ่านฟังด้วย มันดูมีข้อคิดนะคะ เป็นเรื่องสั้นที่อ่านฆ่าเวลา แต่หยุดอ่านไม่ได้ 555 สุดท้ายเรานอนตีสามเพราะต้องอ่านให้จบ กลัวจะลืมเรื่องก็เลยรีบมาเขียนใส่ไดค่ะ

 

ว่าแต่นี่เรียกรีวิวแล้วหรอ? ทำไมรีวิวสั้นจุง หุหุ ช่างเหอะเนาะ ตอนหน้าเดี๋ยวเรารีวิวเรื่องใหม่นะ ยาวกว่านี้ละกัน ถ้าอยากอ่านลองสมัครยูเซอร์เมพ แล้วอ่านแซมเปิลดูค่ะ แซมเปิลเค้ามีให้หลายสิบหน้า หรือบางเรื่องเป็นร้อยหน้า อู้ย อ่านได้เกือบจะจบเล่มอยู่ละ